วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ปิดเทอมแล้วค่า !

สวัสดีค่ะทุกคน
           
            ห่างหายไปจากบล็อกนานมาก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาของการสอบ นอกจากต้องอ่านหนังสือแล้ว ยังมีงานที่ต้องทำส่งอีกด้วยสิ  หวนนึกขึ้นทีไรก็ถอนหายใจทุกที แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้หมด ที่เหลือคือรอวันประกาศคะแนน ทำไว้อย่างไรก็ได้อย่างนั้น จริงไหมคะ รู้ตัวเองกันอยู่แล้ว 5555 

             หลังจากสอบเสร็จ กสิกาก็เดินทางกลับบ้านเลย ซึ่งไกลมาก อยู่ซาฟารีเวิร์ด ตอนแรก็กะว่าจะถึงบ้านประมาน 6 โมงเย็น แต่เปลี่ยนแผนนิดหน่อยค่ะ มีการนัดแนะกับเพื่อนระหว่างเดินทางกลับโดยรถตู้กับเพื่อนสนิทค่ะว่า "เห้ย กูกลับบ้านวันนี้นะมืง เจอกันหน่อยไหมหล่ะ  " ซึ่งก็ไม่ได้นัดเจอไกลอะไรค่ะ  Fashion Island แถวซาฟารี รามอินทราเรานี่เอง  ก็ไปถึงแฟชั่นประมาน 6 โมงได้ค่ะ เจอเพื่อนเอาของไปเก็บที่รถ แล้วก็เดินเล่นแปปนึง  ซักพักก็เริ่มหิว เลยชวนกันลงไปหา อาม่า ของนาง อ๋อ เพื่อนสนิทคนนี้ชื่อเหมย นะคะ  ปกติเรียก อีเหมย!! ต้องขึ้นเสียงด้วย5555   มือนี้เลยฝากท้องไว้กับครอบครัวนางค่ะ กราบขอบพระคุณอีกครั้ง   เราไม่ใช่สาวร่างเล็ก กินน้อย เราเลยต่อของหวานเลยค่า  Swensens  คนละเซ็ตเลย อิ่มทองแตกไปอีก  ปกติกลุ่มของกสิกาจะมีอยู่แค่ 4 คน ค่ะ  เหมย มีน โบว์ และแชมป์ (กสิกา)  เราอยู่กันแค่นี้จริงๆ ไม่คบใครและไม่มีใครอยากคบ 5555  แต่แค่นี้ก็มีความสุขแล้วนะคะ  เจอกันทีไร ก็สร้างความสุข และเสียงหัวเราะให้กันได้ตลอด   ทำให้วันหลังสอบวันนั้นเป็นวันคลายเคลียด ลืมเรื่องราวแย่ๆ ที่ผ่านมาได้ทันทีเลยค่ะ 

          ตัดฉากมาที่ บ้านของเหมยค่ะ เราก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว อิ่มแล้วด้วยเลยชวนกันกลับบ้าน นางก็อยากดูดวงด้วย เลยไปดูดวงให้นางที่บ้าน ดวงนาง ดวงแฟนนาง ดูหมด5555  ข้ามตอนดูดวงไปแล้วกันนะคะ พาร์ทที่สนุก ฮาสุดๆ คงเป็นตอนที่เราอัดคลิปการเขียนคิ้ว คือทำเล่นๆ ไม่จริงจัง เอาตลก เราสองคนจะชอบทำอะไรที่แบบ ฮากันอยู่สองคน คนอื่นไม่ขำแต่เรานี้ลงไปขำที่พื้นและ 5555  แล้วปกติ เราสองคนชอบทำคลิปออกมาอยู่แล้ว ไม่เล่นเกม ก็จะเปนคลิปร้องเพลง ช่วง ม. ปลาย ทำคลิปร้องเพลงบ่อยมาก คืออัดคลิปไว้เยอะมากจริงๆ แต่บางทีก็ไม่โพสนะ เพราะรู้ว่าร้องได้ _____มาก เติมคำเองนะ:P กลับมาที่เรื่องอัดคลิปเขียนคิ้วค่ะ คือก่อนหน้าจะอัด นางแนะนำเครื่องสำอางคตัวใหม่ เป็น DD ครีม นางบอกว่า เลิศมาก ดีมาก ทาแล้วเนียนธรรมชาติเหมือนไม่แต่งหน้าเลย นี้ก็เลยลองค่ะ พอลองแล้วก็แบบ ดีออกกกกกกกกกกก    ชอบ อยากได้ พอหน้าเราเนียนสวยธรรมชาติแล้ว อีเหมยก็เริ่มเลยค่ะ "มืงมาอัดคลิปกันดีปะ"  หลังจากนั้นความตลกก็เริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ คือนางเขียนคิ้วจริงจังมาก เขียนเสร็จเราก็บอก ไหนขอดูหน่อย พอส่องกระจกแล้วมองหน้า คือขำดังมาก อีเหมยบอกว่า โอโหหหหหห หนาาาาสัตว์ 55555555555555555     ฝั่งนี้ขำไม่หยุดเลยค่ะ มาอธิบายแบบนี้คงไม่เข้าใจ ต้องตามไปดูใน facebook ของกสิกาเอานะคะ    หรือในคลิปข้างล่างนี้ได้เลย


      ขอพูดถึงเรืองเมื่อวานนิดนึงนะคะ คือตืนเช้ามา พ่อแม่พี่สาวทุกคนเตรียมของเต็มโต๊ะไปหมด ทุกคนอยากให้เราทำสุกี้ให้กิน ทุกคนชอบน้ำซุปของกสิกาค่ะ นี่ก็ไม่รอช้า แสดงฝีมือชาววังเต็มที่5555  ไม่ลืมที่จะเก็บภาพมาฝากนะคะ เนื้อสัตว์ก็เลือกเอาตามใจชอบ แต่วันนั้นกสิกามี ปลาแซลมอล กุ้ง และ หมูสไลด์หมัก นิ่มสุดๆเลย อร่อยด้วย จาก CP หมดเลยค่ะ  ผักนี้ก็ไปซื้อมาจาก Maxvalue แถวบ้านนี่เอง ของเค้าดีจริงๆนะคะ มีคุณภาพ ปลอดภัยด้วยค่ะ 



น้ำซุบปรุงเอง งานคนอร์ไก่กาไม่เอานะจ๊ะเธอ 5555  ผักจัดเต็มเนื้อสัตว์จัดเต็มกินจริงจังมากค่ะ



มาดูตอนทำเสร็จแล้วดีกว่า ทำไปทำมาไม่รู้ทำไมรู้สึกว่า เนื้อจะเยอะกว่าผัก 555  


-----------------------------------------

ขอคุณทุกคนที่ยังอ่านมาถึงตรงนี้นะคะ กสิกาอยากจะบอกว่า ปิดเทอมมาได้ 2 วัน ก็ถือว่ามีเรื่องให้เรายิ้มและหัวเราะได้บ้าง มีเครียดบ้างก็ช่างมันไปค่ะ  ชีวิตจะได้ครบรสนะคะ :)   วันนี้มีเรื่องมาอัพเดตเพียงเท่านี้ เจอกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Haters & Lovers ที่ไหนมีรักที่นั่นมีชัง

กลับมาอีกแล้วค่า ! กลับมาพร้อมประเด็นเด็ดๆให้ทุกคนได้ติดตามอีกเช่นเคย

         ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่บนโลกใบนี้ มันก็มักจะมีคนอยู่ 2 ประเภทนะ ที่ไม่รู้ว่ามันมายุ่งอะไรกับชีวิตเรานักหนา 555   แล้ว 2 ประเภทที่ว่านี้ก็คือ คนรักกับคนเกลียด   จะให้พูดมันก็เป็นสัจธรรมของโลก มีคนรักต้องมีคนเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา  แต่วันนี้สกสิกาจะมาพูดถึงโลกอีกโลกหนึ่งที่ใกล้ตัวเรา นั่นคึอโลกของอินเตอร์เน็ตค่ะ  :)

        โลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะอะไรก็แล้วแต่  เช่น

-ถ้าเราเป็นนักเรียน เราสามารถเป็นที่รักของครู อาจารย์ ของเพื่อนในห้องได้  แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเราทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมาซักอย่าง เราอาจจะกลายเป็นที่ชังของคนในโรงเรียนไปเลยก็ได้  T^T

-ถ้าเราเป็นเจ้านาย พนักงานบริษัท หรือลูกจ้าง เราก็จะเป็นที่รักของเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง แล้วถ้าวันใดวันหนึ่งเราทำงานพลาด สร้างความเสื่อมเสียให้บริษัทแค่ ครั้งเดียว เราก็กลายเปนคนที่ถูกชังในบริษัทนั้นทันที   คือชีวิตห้ามพลาดเลยนะเนี่ย

-หรือแม่แต่ในครอบครัวก็เถอะ ถ้าเราเป็นลูกที่ดี เรียนเก่ง น่ารักกับพ่อแม่ เราก็จะเป็นที่รักของผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง มีแต่คนรักอยากคุยอยากคบด้วยทั้งนั้น แต่ถ้าเราทำตัวเป็นเด็กดือ ผู้ใหญ่ที่ไหนก็ส่ายหน้านี้ ชังเราขึ้นมาซะงั้น

แล้วในโลกอินเตอร์เน็ตหล่ะ?    กสิกาจะยกตัวอย่างของ Net Idol มาแล้วกันค่ะ เช่น

       คนที่เล่น Socialcam จนมีชื่อเสียงโด่งดั่ง มีคนกดไลค์ติดตามกันเป็นแสนๆ   มักจะเป็นที่รักที่ชอบ เป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตให้กับคนที่ติดตาม  พวกเขาเหล่านั้นรักและชื่นชอบในตัวคนดังเหล่านั้น  คนที่มักจะดังจากโซเชียลแคม แรกๆ ก็น่าจะเป็นพวกคู่รักเกย์ เป็นกระแสนิยม คนมองว่ารักดี   ร้องเพลงก็เพราะ หล่อก็หล่อ เขิลกันไปสิ 5555 นี่ก็เคยเป็นติ่งคู่เกย์อยู่พักนึงนะคะ ชอบคู่ เก่งกับบอยค่ะ   ที่สังเกตุได้นะคะ พอถึงจุดๆ หนึ่ง มีคนรู้จักเยอะๆ มีแฟนคลับที่รัก ไม่นาน คนดังเหล่านั้น จะเริ่มมีการขายของกันแล้วอะ 5555 อันนี้ก็เข้าใจนะ จะให้มานั่งอัดวิดีโอ ตลอดไป ไม่ได้อะไรมาเลยจะทำไปทำไม ก็ขายของควบคู่ไปเลยค่ะ   ที่พูดมาเนี่ย มีแต่ Lovers ทั้งนั้นเลย  แต่ถ้าสังเกตุดีๆ ในคอมเม้นท์วิดีโอนั้นๆ มันจะแฝงไปด้วยพวก Haters ปะปันกันอยู่  มีการใช้คำพูด " หยี! พวกผิดเพศ "  " เสียดายความหล่อจังไม่น่าเป็นเลย  "   หรือไม่ก็จะพูดแนวๆ ว่า " วันนี้มาหลอกขายของอะไรหล่ะ"  เอ้อก็ว่ากันไปค่ะ     พวก haters ก็น่ารำคาญซะจริง แต่ถ้าขาดคนพวกนนี้ไป โลกมันจะขาด Balance เข้าใจใช่ไหมคะ ถ้ามันมีแต่คนชมอะ  อีคนดังเหล่านั้นมันจะหลงตัวเองมาก มันจะแบบฉันทำอะไรก็ดูดี มีแต่คนชื่นชอบ  เพราะฉะนั้น กสิกาคิดว่า การมี haters มันไม่ได้แย่นะ มันทำให้มันเกิดความสมดุลในสังคมนั้นๆ มากกว่า  ต่อมาก็จะเป็นพวกทำรีวิวเครื่องสำอาง หรือสอนแต่งหน้า  บางทีก็โชว์ตลก โชว์ร้องเพลง  อันนี้คือกลุ่มคนธรรมดาทั่วไปนะคะ  อีกกลุ่มก็จะเป็นพวกดาราจริงๆที่เข้าเล่น Socialcam ด้วย ก็จะมีคนติดตามเยอะเหมือนกันค่ะ แต่จะไม่ค่อยให้อัพคลิปซักเท่าไหร่ ที่เห็นบ่อยๆ จะเปนวูดดี้เกิดมาคุย  มีช่วงนึง โอปอล์ ดีเจสุดแซ่บก็อัพคลิปบ่อยอยู่  แล้วก็มี แทค ภรัณยู เป็นต้น

       แต่แค่คอมเมนท์ในคลิปวิดีโอคงไม่พอสำหรับประเด็นนี้ พักหลังๆ Socialcam เริ่มกลายเป็นสังคมที่กสิการู้สึกขยาด ไม่ค่อยอยากเข้าไปซักเท่าไหร่ เพราะอะไรหรอคะ เพราะว่า haters มันเยอะเกินไปหน่ะสิ  haters เหล่านี้ เขาเอาความเกลียดชังเข้ามาในสังคมเยอะจนเกินไป จนรับไม่ได้จริงๆ คือ เอาจริงๆ คลิปที่คนออกมาด่าๆ กสิกาคิดว่ามันเริ่มต้นมาจาก Socialcam นี้แหละ เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มากจนแบบโอ้ย จะเกลียดชังอะไรกันขนาดนั้นคะ   คือ Nei Idol ด้วยกันเองเนียแหละ ทะเลาะกัน แล้วก็อัดคลิปด่ากัน ขึ้นเสียง ใช้คำหยาบคาย แล้ว Socialcam ใครๆ ก็เข้ามาได้ เด็กประถมสมัยนี้ก็เล่นsmartphone กันเป็นหมดแล้ว แล้วเขาก็เห็นตัวอย่างมาจากพวกคุณนี่แหละค่ะ   จนทุกวันนี้ เราจึงเห็นคลิปเด็กเล็กๆ ออกมาอัดคลิปแสดงความรู้สึก ด้วยคำพูดที่หยาบคายมากๆ แบบที่คนใน socialcam ทำเป๊ะ  เริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า เห้ย! มืงเป็นอะไรมากปะ  หรือ อีเหี้ย  อีสัตว์ สารพัดคำที่จะหยาบคายได้  คือเด็กประถมแบบนั้น ไม่ควรจะออกมาพูด อัดคลิปอะไรแบบนั้นลงโซเชียลแคม เหมือนเด็กซึมซับมาเรื่อยๆ จนเขาคิดว่ามันเท่จะตาย มีแต่คนกดไลค์ ชอบใจ มีคนสนับสนุน ยิ่งทำคลิปออกมาด่าเยอะเท่าไหร ่คนยิ่งชอบ ยิ่งไลค์ยิ่งถูกใจ บางคนนี้ถึงกับกระทืบไลค์ ตีลังกาไลค์ก็ทำหมดค่ะ 5555   เห้ย แต่นี้ซีเรียสนะคะ  คือทางแอพควรมีระบบที่แบบตรวจสอบก่อนจะอนุมัติให้คลิปนั้นเผยแพร่ออกมาได้อะ ไม่งั้นสังคมมัน น่ากลัวเกินไป เด็กที่เขาไม่รู้เรื่องอะไร เขาจะซึมซับสิ่งเหล่านี้ไปง่ายๆ คุณอยากให้เยาวชนรุ่นใหม่ มีนิสัยแบบนั้นจริงๆ หรอคะ    ทำอะไรก็อัดคลิปไปหมด ไม่พอใจก็ออกมาด่า ด่าแรงๆ คนยิ่งชอบ  พอคนอื่นเห็นคนนี้กำลังด่าคนนี้ อีกคนเกลียดคนนี้ด้วย คนนี้ก็เลยทำคลิปมาด่าซ้ำอีก คือมันด่ากันซำไปซ้ำมาไม่จบไม่สิ้น    Haters มันเต็มไปหมด มันทำให้การเล่น Socialcam ขนาดความสนุก ไป อ่านคอมเม้นก็เจอแต่การด่าทอนกัน นานๆ จะเจอคอมเมนท์ดีๆบ้าง

        ทุกวันนี้ถ้าจะเข้าไปเล่นก็จะไปดูแค่ คนที่เราชอบจริงๆ ยังคงแอบติดตามเงียบๆ อยู่แต่จะพยายามไม่ไปอ่าน ไปเปิดดูคลิป ที่มันมีแต่ความเกลียดชัง มันดูแล้วเสียสุขภาพจิต เราเข้า socialcam เรายังได้รับความบันเทิงคลายเครียด แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น  มีแต่ความเครียด ความอึกอัดที่ได้กลับมาค่ะ คนดังด่ากันไม่พอ แฟนคลับของแต่ละคนก็มาด่ากันเองอีก คือ Haters ล้วนๆ อะ โอ้ยปวดหมอง ลองไปดูลิ้งตัวอย่างกันค่ะ มีอีกเยอะเลย ถ้าอยากเห็นลองโหลด แอพโซเชียลแคมมาลองเล่นดูนะคะ คุณจะเข้าใจว่า มันอึดอัดแค่ไหนที่หน้า feed มีแต่เรื่องแบบนี้




บางคลิปก็แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลยค่ะ 


แม้แต่คลิปทอมที่เป็นข่าวก็มาจาก Socialcam 


        กสิกาอยากจะฝากกับทุกๆ คน ก่อนจะทำคลิปวิดีโออะไรกันขึ้นมา ก่อนจะกดอัพโหลด   ก่อนจะกดไลค์ กดแชร์ คุณคิดให้ดีก่อนนะคะ เพราะเยาวชน เด็กเล็กๆ พร้อมจะทำตามกันได้ง่ายๆ  หันมาสร้างสังคมออนไลน์ให้น่าอยู่มากขึ้น นำ love  และ lovers  กลับมาอยู่ในสังคมออนไลน์เหมือนเดิม ตอนนี้เราต้องการความสมดุลของโลกออนไลน์กลับมาคืนมาค่ะ ช่วยกันนะคะ

       จริงๆแล้วประเด็นนี้อยากเขียนตั้งนานแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสได้เขียนซักที ผู้อ่่านคนไหนมีความคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ก็เข้ามาพูดคุยกันได้นะคะ  ขอตัวไปนอนพักสายาก่อนขอบคุณค่าา

จะเลิกกัน คบกัน ทะเลาะกัน ทำไมต้องทำให้คนอื่นเห็นด้วย?

สวัสดีตอนเย็นค่ะทุกคน หาอะไรทานกันหรือยังคะ
           กสิกาพึ่งจะขึ้นมาจากร้านอาหารหน้า ม. เมื่อกี้เอง พอดีว่าวันนี้มีเพือนแวะเข้ามาดูดวงที่หอ ดูดวงเสร็จก็เลยลงไปหาอะไรกินกัน ในระหว่างบทสนทนานั้น เราก็ได้พูดถึงหลายประเด็นเลยค่ะ จนมาหยุดอยู่ที่เรื่องทำไมเวลาคนทะเลาะกันไม่ว่าจะกับเพื่อน กับคนรัก จะต้องเอามาประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ ไม่อายหรอ ? ที่ให้คนอื่น คนข้างนอก คนที่ไม่รู้จักตัวตนของเรา ของเพื่อน หรือของแฟน คนข้างนอกจะมองว่าความสัมพันธ์เราเป็นอย่างไร เขาจะตัดสินว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ดีไหม หรือเขาจะว่าแฟนเราเป็นคนชั่วหรือเปล่า ทั้งที่ปัญหามันไม่ได้ใหญ่อะไรขนาดนั้น ถึงกับขั้นที่ต้องออกมาด่า มาประจาร มาตั้งสเตตัสให้คนมากดไลค์  แล้วพอมีคนมาคอมเม้นท์ก็เกิดสนุกปาก บางทีก็พูดเพราะความสะใจ หลายครั้งที่กลับมานั่งคิดทีหลัง แล้วก็เสียใจกับสิ่งที่ทำไป บางครั้งนำไปสู่การเกลียดขี้หน้ากันไปเลย ....

          ถ้าเป็นเรื่องของความรัก มันควรจะเป็นเรื่องของแค่คนสองคนหรือเปล่า ? ไม่รู้ว่าผู้อ่านคิดแบบนั้นไหม แต่สำหรับกสิกา คำตอบก็คือ ใช่ มันแค่เรา 2 คน ถ้าปัญหาที่เกิด เกิดมาจากเราสองคน เราก็แก้ที่เราสองคนสิ เราแก้กันเงียบๆดีไหม? หรือเราจะต้องแก้ใน facebook  ใน instgram ลงภาพ หรือข้อความ กระทบกระแทกกัน ทำให้เรื่องมันยาวไม่จบไม่สิ้น  คุณเยอะไปหรือเปล่า?  คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นมาในหัวกสิกาเต็มไปหมด  การที่เราออกมาประกาศว่า

" เห้ย ตอนนี้ฉันเลิกกับผัวแล้วนะ ผัวมันเลว มันไปมีคนอื่น "

คุณคิดหรือเปล่า คนที่เขาอ่านสเตตัสคุณเขาจะมองว่าคุณยังไง?  เขาจะคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นจากคุณหรือแฟน  มันสามารถตีความไปได้หลายอย่าง เช่น


"มันเลิกเพราะผู้หญิงมันงี่เง่าอะแหละ ฉันเห็นมันเหวียงแฟนมันตลอด แฟนมันคงเหนื่อยอะ ง้อจนเมื่อย ใครจะมาง้อได้ตลอดเวลา "

" นี่ ดูสิมันใช่คำวาผัวเมียกันและ กูว่ามันต้องได้กันแล้วแน่ๆ ไม่ก็ผู้ชายมันไปเอาคนอืน "

" สมน้ำหน้ามันกูหมั่นใส้มันมานานแล้ว เต็มหน้าฟีดกูไปหมด "

" เขาน่าสงสารจัง ยังเห็นคบกันดีๆ อยู่เลย ทำไมเลิกกันแล้วหล่ะ"

"  เขาคงเข้ากันไม่ได้แหละ  อย่าให้เกิดกับฉันเลย สาธุ!"

 เห็นไหมคะ แค่สเตตัสเดียวมันก่อให้การตั้งคำถาม ความสงสัย ความสงสาร ความสมเพช หรือสมน้ำหน้า ความเห็นใจ   ได้หมด แล้วไอคนเหล่านั้น กสิกาถามว่า เขารู้เรื่อง "ส่วนตัว" ของเรากับแฟนเราไปแล้ว เขาช่วยอะไรเราไหม นอกจากกด Like และ เอาไปพูดต่อ  ถ้าเป็นคู่รักที่ดี น่ารัก แล้วต้องมาเลิกกัน ส่วนมากจะได้รับการสงสาร การเสียดาย การให้กำลังใจ แต่ถ้าคู่นั้น คนเกลียดอยู่แล้ว มันคบกันได้ยังไงนะ ไม่เข้ากันเลย ส่งสารผู้หญิงจัง ก็โง่ให่มัหลอก ผู้ชายก็เลวได้ดีจริงๆ  คู่แบบนี้หรือลักษรณะนี้ ถ้าเลิกกันเมื่อไหร่  ได้รับความสมน้ำหน้าซ้ำเติมไปเต็มๆ  ดังนั้นเราจะออกไปประกาศให้ชาวบ้านเขามารู้ทำไม ว่าเราโดนทิ้ง หรือความรักของเรามันไม่ประสบความสำเร็จ

คำถามเกิดขึ้นอีกแล้ว 5555  เราต้องการให้คนอื่นมาสงสารเราหรอ? ต้องการให้คนมองว่าเราอ่อนแอ น่าเห็นใจ ต้องการอย่างนั้นจริงๆ หรอคะ   ยังไงกสิกาก็ยังยืนยันนะ ว่าปัญหามันคือระหว่างเรากับเขา แก้กันเงียบๆ แค่เราสองคน อย่าให้คนอื่นมาเข้ามาทำให้เราเขว หรือปลี่ยนแปลงกันตัดสินใจ ชีวิตเราเราต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าเราคิดมาดีแล้ว ถ้าผลมันจะแย่เราก็ต้องยอมรับมันให้ได้ การยอมรับความจริงในชีวิตได้  เราก็จะทุกข์น้อยที่สุด  แล้วถ้ามันเกิดมีมือที่ 3 เข้ามาละ  มันก็เปนเรื่องของ เรา 3 คน จริงไหมคะ ก็ คุยกันเลย 3 คนพอ จะเอาอีเพื่อนมันมาทำไม จะเอาเพื่อนเรามายุ่งทำไม  อีตัวเพื่อนนี้แหละ ทำให้เรื่องมันยุ่งยากยิ่งขึ้น หลายคนนำประสบการของตัวเองมาเปรียบเทียบ บอกว่าถ้ามันทำแบบนี้ มันต้องเป็นแบบนี้นะ มืงเชื่อสิ  อีแบบนี้แหละ ยิ่งไปจี้จุดสร้างความแตกร้าวเข้าไปอีก เพราะฉะนั้น เชื่อในความคิดตัวเองซะ เชื่อหัวใจตัวเองดูสิ ถึงมันจะพลาดแต่นั้นก็ด้วยกาาตัดสินใจตัวเอง แต่ถ้าเราพลาดเพราะเสียงของคนอื่นมันดังกว่าเสียงหัวใจตัวเอง แบบนั้นน่าสงสาร ผิดพลาดเพราะคนอื่นแท้ๆ จริงไหมคะ

ก็อยากจะยก กรณีตัวอย่างมาให้ดู ล่าสุดระหว่างที่กำลังเขียนบทความบทนี้ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเจอกับข่าวใน Facebook ว่า หวิดล่ม เอมมี่ ฮาเวิร์ด ทะเลาะยาวเหยียดผ่านไอจี !   เห็นไหมหล่ะ ไม่ต้องเอาคนใกล้ตัวขนาดคนของสังคม บางครั้งความสัมพันธ์ุส่วนตัวแท้ๆ ก็เอามาประกาศให้คนที่ติดตาม ใน Instagram ได้เผือกกันไปอีก


ยอดไลค์เยอะแบบนี้  ตอบได้ไหมเนี่ยว่าคนเขาดีใจ หรือ สงสาร  ไหนจะยอดคนแชร์อีก


เมื่อกดเข้าไปดูเนื้อข่าวก็ได้ความประมาณว่า ก่อนหน้านี้มีภาพหลุดเอมมี่กับหนุ่มอีกคนนึง หลังจากนั้นความสำพันธ์ก็เริ่มไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ จนกระทั้งเอมมี่ลงภาพในไอจีพร้อมกับข้อความทีว่า




หลังจากนั้น ฮาเวิร์ดก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นตอบกลับ ง้อเอมมี่ ง้อกันไปง้อกันมาผ่าน Instagram     ชาวเน็ตก็แคพจอมาโพสกันใหญ่เลยค่ะ แล้วก็ลุ้นกันว่าสรุปจะเลิกไม่เลิกนะ คู่นี้   

และนี้มันส่วนของบทสนทนาใน Instagram ของทั้งคู่ค่ะ







ไอเราก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษเนาะ ใครแปลได้ความยังไงบ้างก็มาพิมพ์บอกกันหน่อย 5555 

และบทสรุปคือ ฝ่ายชายก็ลงภาพใน Instagram เหมือนกันโพสภาพที่ทั้งคู่กำลัง skype กันอยู่ พร้อมกับข้อความที่ว่า 


We made a Promise to each other

สรุปก็คือจบสวยนะคะ ยังไม่เลิกๆ แต่ตอนนี้ชาวบ้านรู้กันหมดแล้วว่าแกคุยไรกันบ้าง ทะเลาะกันเพราะอะไร  -.- 

ประเด็นนี้ยิ่งทำให้เกิดความสงสัยไปอีกว่า ทำไมแกไม่คุยกันใน Line , Whatsapp ไรพวกนี้ ส่วนตัวกันไป จะมาคุยใน Instagram ให้คนอื่นรู้ทำไม หรือ....... เขามาคุยในนี้เพื่อสร้างกระแสหรือเปล่า  เอ้าๆๆ เห็นไหม แค่เหตุการณ์แค่นี้ กสิกายังตีเหตุการณ์นี้เป็นการสร้างกระแสได้เลย คนอื่นๆ ละคะมีความคิดเห็นกับประเด็นนี้ว่ายังไงกันบ้าง คอมเม้นท์กันมาได้นะคะ  


กว่าจะเขียนมาถึงบรรทัดนี้ก็ 5 โมงแล้วนะเนี่ยย ได้เวลาไปพักผ่อน ยืดเส้นยืดสายซักเล็กน้อย ไว้มีประเด็นอะไรจะเข้ามาอัพอีกนะคะ  ไว้เจอกันไหมคะ สวัสดีค่าาาาา

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เคยไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดไหมคะ ?


สวัสดีตอนบ่าย วันพฤหัสบดีค่าา 

       วันนี้ก็ยังคิดติดอยู่กับประเด็นความไม่เท่าเทียมเกี่ยวกับเพศที่ 3 อยู่ค่ะ  หลายคนคงเคยไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดใช่ไหมคะ แล้วบางคนก็บริจาคทุกปีซะด้วย กสิกาก็เป็นคนหนึ่งที่อยากจะบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือคนค่ะ อยากจะทำบุญบริจากเลือดซักครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ไปทำซักที เพราะบ้านไกลมาก จนวันหนึ่งก็มีโอกาสได้ไปค่ะ เพราะตั้งใจไว้ว่า วันเกิดอายุครบ 18 ปีของฉัน ฉันจะไปบริจาคเลือด แล้วก็ทำบุญโรงศพ ให้ได้! 

      เช้าวันนั้นกสิกาตื่นขึ้นมาแต่เช้าเลยค่ะ ก็เตรียมร่างกายให้พร้อมนอนให้พอ ทำตามคำแนะนำทุกอย่าง แล้วก็ดีใจมากๆ ที่ในชีวิตนี้ ฉันจะได้บริจาคเลือดซะที วันนั้นยิ้มแย้มมีความสุข เป็นวันที่สดใสมากๆ ไปถึงที่สภากาชาด เราก็เข้าไปหยิบใยทำเอกสาร กรอกนู่นนี้ ติ๊กช่องต่างๆ ตามที่เขาให้ทำ จนมาถึงช่องท้ายๆ ที่ต้องจะติ๊ก ในคำถามนั้นถามว่า เราเป็นพวกรักร่วมเพศหรือไม ?  เราก็เคยอ่านเน็ตมาก่อนนะว่าพวกเพศที่ 3 เขาจะไม่รับบริจาคเลือด เราก็ไม่ได้เชื่อเต็มร้อยแต่เราก็ไม่มั่นใจ เราเลยเว้นไว้ทำเป็นลืมๆ เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อเข้าไปในห้อง พบกับแพทย์หรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ เค้าก็หยิบเอกสารดูลายละเอียด ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งคุณหมอ(มั้ง) มาติดอยู่ตรงที่ช่องที่เราไม่ได้ติ๊ก เขาก็ถามว่า ทำไมไม่ติ๊กช่องนี้ เป็นหรือเปล่า ตอนแรกเราก็อึ้งๆ เราก็เลยตอบไปว่าไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน  50/50   และเหตุการที่ไม่เคยจะคาดคิดก็เกิดขึ้น สร้างความสะเทือนใจและช็อคกับเราเป็นอย่างมาก คุณหมอ(มั้ง)คนนั้น ก็พูดขึ้นมาว่า "ไม่รับบริจาค ขอบคุณมากนะคะ ไปทำบุญอย่างอื่นนะคะ ขอบคุณค่ะ  " แล้วพูดดังด้วยค่ะ มีคนที่นั่งรอใกล้ๆ อยู่ด้วย ตอนนั้นเราหน้าชาไปหมด เราแบบทำอะไรไม่ถูกเราไปคนเดียวด้วย พ่อแม่ พี่สาวไม่ได้มาด้วย แล้วแบบเด็กอายุ 18 ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ทำอะไรไม่ถูกเลย แต่ไม่นานก็สามารถรวบรวมสติได้  เราก็บอกเขาไปว่า 

" แต่ผม (ใช้คำว่าผม 5555 ตอนนั้นยังไม่แต่งหญิงเลย) ไม่เคยมีเซ็กกับใครเลยนะครับ  ยาคุมอะไรก็ไม่เคยกิน  "  

แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาคือ  " ไม่ได้จริงๆค่ะ ยังไงก็ไม่รับ ขอบคุณนะคะ ทำบุญอย่างอื่นนะคะ เชิญค่ะ "

เขาใช้คำว่า " เชิญค่ะ  "  ตอนนั้นเราเสียใจมากๆ ทำไมวะ ทำไมอะ ทำไมเราถึงบริจาคไม่ได้ เราไม่ได้มีโรค เราไม่เคยมีเซ็ก เราไม่เคยเทคยาคุม เราทำอะไรผิด  เช็คเลือดเราก่อนก็ได้ เราไม่ได้มีโรคอะ ทำไมเขาถึงทำกับเราแบบนี้  นี่เดินคอตกออกมาจากห้อง ร้องไห้  โทรหาแม่พี่สาวทันที   ตอนนั้นต้องการกำลังใจมากๆ เขาจะรู้ไหมว่า เขากำลังทำร้ายจิตใจคนๆหนึ่งอย่างรุนแรงอย่างไร้หัวใจมาก  ต้องขอบคุณแม่และพี่สาวมาก ที่ให้กำลังใจเราเป็นอย่างดี  แต่เราจะทำอะไรได้ เราเป็นคนกลุ่มเล็ก แล้วเราก็ตัวคนเดียว เราจะเรียกร้องอะไรได้ เรางงว่า แล้วผู้หญิง ผู้ชาย ทำไมทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้หล่ะ?  เพราะการเป็นเพศที่ 3 อย่างนั้นหรอ ที่ทำให้เราไม่สามารถทำบุญได้ เวรกรรมอะไรขนาดนี้นะ  ทุกวันนี้ก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไม ตั้งแต่นั้นเราหมดศรัทรากับสภากาชาด แล้ก็ไม่คิดจะไปอีกเลยไปก็ขายขี้หน้า ไปก็ไม่ได้บริจาคเลือดอยู่ดี 

     กสิกาเกิดความคิดว่า ถ้าแบบเห้ยเกิดวันหนึ่งพ่อแม่เป็นอะไรขึ้นมาแล้วต้องการเลือดกรุ๊ป A ซึ่งเรามี แล้วเราจะให้แม่เราได้ไหม หรือเราจะต้องรอให้พ่อแม่ อาการหนักๆ มาก รอให้คนบริจาคเข้ามาถึงจะรักษาได้แบบนั้นหรอ?  เลือดกะเทยมันน่ารังเกียจสกปรกขนาดนั้นเลยหรอคะ ?  อยากให้สังคม ไม่ใช่แค่สังคม หน่วยงานใหญ่ๆ หรือใครก็ได้ที่มีอำนาจที่จะช่วยให้สิทธิของกะเทย เพศที่3 เท่าเทียมกับชายหญิงซะที  เราก็เป็นคนกลุ่มหนึ่งในประเทศ กลุ่มหนึ่งที่สร้างสีสัน สร้างสิ่งเว่อร์วังอลังกาลให้กับประเทศ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศมาก็เยอะ ช่างแต่งหน้าชื่อดัง ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง นางโชว์ต่างๆ เป็นแหล่งสร้างเงินในด้านการท่องเที่ยวด้วยซ้ำ

   หลังจากออกมาจากสภากาชาติ ก็เลยตัดสินใจไปทำบุญโรงศพที่วัดหัวลำโพงแทนค่ะแล้วก็กลับบ้านไป อย่างน้อยก็ได้ทำบุญถือว่ามาไม่เสียเที่ยว 555 

   เหตุการณ์ในวันนั้นไม่เคยหายไปจากใจ แต่ความรู้สึกแย่ๆ นั้นก็แทบจะไม่เหลือแล้ว เราเลือกที่จะไม่สนใจ หรือเอาใจไปจดจ่อในสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราไม่มีความสุข กสิการู้สึกว่า ทำอะไรก็ทำไปเถอะที่เรามีความสุข แล้วคนอื่นไม่เดือดร้อน   ความสุขนี่แหละเป็นพลังชีวิตที่จะทำให้เรามีแรงในการตัดสินใจทำอะไรต่อไป 

 อย่าลืมหาความสุขให้ตัวเองกันนะคะ  สวัสดีค่ะ :D

ทำไมเป็นกะเทยแล้วต้องตายด้วยโรคร้าย

มันเป็นสิ่งที่ยังคงค้างคาในใจมาตลอด ประเด็นนี้เป็นเหตุการณ์ที่เราเจอกับตัวเองคือ เมื่อหลายเดือนก่อนหน้า กสิกาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นก็มีฝรั่งคนหนึ่งทักมาในแอพที่ชื่อว่า KIK  ซึ่งปกติแล้วเราเอาไว้คุยกับฝรั่งเล่นๆ เพื่อแก้เบื่อเฉยๆ  มีทั้งคนดี คนไม่ดี ทะลึ่งลามกก็มี แล้วแต่ แต่วันนั้นช่างโชคร้าย ผู้ชายคนนั้นทักมา เริ่มแรกก็ทักทายด้วยดีอยู่หรอกค่ะ แต่ซักพักเริ่มเยอะขึ้น เริ่มซักถามเริ่มล้ำเส้นเกี่ยวกับเพศสภาพของเรา จนเรามาเจอกับประโยคนี้ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเรามากๆ มาดูกันเลยค่ะว่า ฝรั่งคนนี้มีความคิดอย่างไรกับกะเทยคะ


เขาบอกว่าอย่าเป็นกะเทยนะ ! เพราะว่า ชีวิตคุณจะจบลงด้วยกันเปนโรคร้าย  เชื่อฉันเถอะ กลับไปเป็นผู้ชายซะ แต่งงาน แล้วมีลูก....

คำถามคือ ทำไมฉันต้องตายด้วยโรคร้าย ?  เป็นกะเทยแล้วแก่ตายไม่ได้หรอ ต้องเป็นโรค มันไม่แฟร์เลยนะคะกับความคิดแบบนี้  การแต่งงานกับผู้หญิง มีลูกหลายๆคน นั้นหรอคือคำตอบของชีวิตที่สมบูรณ์? มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ หรอ?  แล้วการที่กลับไปเป็นชายแท้ แต่งงานมีลูก ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่า ฉันจะไม่จบลงด้วยการเป็นโรคร้าย?   เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าสงสาร ชีวิตเค้ามีแต่ความคิดที่เกลียดชัง และใจแคบ  แต่ขอตอบแบบหมอดูสวยๆ ฉันรู้ดีว่าจุดสุขภาพโรคภัยของฉัน ถ้าฉันจะป่วยฉันจะเป็นอะไร แล้วฉันก็มีการป้องกันและแก้ดวงทุกเดือน เพราะฉะนั้นก็ไม่แคร์สวยๆ เชิดๆ block นางไปเลย ฉันมั่นใจว่าฉันจะไม่ตายด้วยโรคร้าย กสิกาคิดว่าคนชอบมองว่า เพศที่3 เป็นพวกสำส่อนหรือมั่ว เป็นตัวนำโรคร้ายมาให้ซึ่งไม่จริงมั้งคะ ทุกคนมันมีความต้องการกันหมด ผู้หญิง ผู้ชาย เพศที่3 ทุกคนก็เป็นโรคกันได้หมด แล้วก็จะตอบตามดวงอีกนั้นแหละ ถ้าดวงคุณปีนั้นมันต้องเป็นโรคยังไงมันก็เป็น หรือดวงปีนั้นคุณต้องตาย ถ้าคุณไม่ต้องชะตายังไงก็ตาย นอกจากคุณจะตายไปเพราะความชรา อันนั้นก็เป็นความจริงทุกอย่างมีเกิดและดับไป เพราะฉะนั้นกสิกาอยากจะให้ทุกคนลองปรับเปลี่ยนมุมมองทัศนคติของตัวเอง ลองมองพวกเราในมุมอื่นดูสิ เราทำดีตั้งหลายอย่างคุณไม่ชื่นชม เราทำพลาดครั้งเดียว เรากลายเป็นคนไม่ดีในสังคมไปเลย ทำไมมันไม่แฟร์กับเราอย่างนี้หล่ะ  พูดแล้วก็สงสารตัวเองเกิดมาเป็นแบบนี้ แต่ว่าเราก็อยู่กับความเศร้าไม่ได้นานค่ะ แค่นี้ไม่ได้ ทุกวันนี้คิดแค่ว่า รักคนที่รักเรา รักพ่อแม่ รักครอบครัว ญาติพี่น้อง รักเพื่อนที่ดูแลเรา รักครูบารอาจารย์ที่สอนเราให้เป็นคนดี แค่นี่พอแล้ว คนอื่นอยากจะด่าก็ด่าไป เพราะชีวิตเขาก็จะมีแต่ความเกลียด ความเกลียดนั้นจะเผาตัวเขาเองให้ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขค่ะ 

           ในชีวิตตั้งแต่เด็กเราก็ถูกล้อมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น อีตุ๊ด อีตุ๊ดเผือก กะเทยควาย กะเทยถึก กะเทยคูโบต้า โอ้ยสารพัดจะโดนด่าโดนล้อ  เราที่เราเสียใจที่สุดคงเป็นเหตุุการณ์เมื่อสมัยอยู่ ป4. เรากำลังเล่นกันในห้องกับเพื่อนแล้วเราก็เสียงดังกับเพื่อน แต่ครู ป.4 กลับเดินเข้าในห้อง พร้อมกับเรียกเราด้วยน้ำเสียงสูงและดังมากว่า อีตุ๊ด เงียบ! เรารู้สึกว่า เอ้า อี____  กูทำอะไรผิด ทำไมต้องมาเรียกจิกกัน ตอนนั้นเราเกลียดครูคนนี้มาก เราไม่พูดด้วยเลย เราเกลียดแบบทำไมมาเรียกเราแบบนี้ แล้วไม่คิดว่าเราจะอายเพื่อนในห้องหรอ  แล้วถ้าเกิดวันนึงมีเด็กมาเรียกครูว่า อีแก่! อีหนังเหี่ยว อีดอกป้า   ดังๆ ต่อหน้าคนเยอะๆ ครูจะอายไหม ? รับได้ไหม แล้วจะเสียใจหรือเปล่า ที่มีเด็ก หรือลูกศิษย์ตัวเองมาฉีกหน้าตัวเองคืนบ้าง?  ทุกวันนี้เหตุการณ์ก็ยังคงฝังในหัวใจ แต่ถามว่าตอนนี้ยังเกลียดไหม ตอบว่าไม่แล้ว มันเพราะรู้สึกว่า เราไม่สนใจคนที่มันเกลียดเรา มันจะพูดอะไรก็เรื่องของมัน ตอนนี้เราสนใจคนที่รักเราเท่านั้น คนที่ทำให้เรามีความสุข อยู่กับใครแล้วไม่สุขก็ช่างมัน  รักตัวเองให้มากที่สุดก็พอค่ะ 

วันนี้ขอจบประเด็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเพศไว้เท่านี้ก่อน เริ่มปวดลูกตาแล้ว5555   สวัสดีค่ะ  

เหนียวไก่ คืออะไรอะแก ?

        สวัสดีตอนเช้าวันพฤหัสบดีค่ะทุกๆคน โชคดีจริงๆ วันนี้อาจารย์งดเรียนตอนเช้า         ทำให้กสิกามีเวลาว่างมาอัพบล็อกต่อจากเมื่อวานค่ะ   วันนี้กสิกาตื่่นเช้า เปิดโทรศัพท์เช็ค Facebook ซะหน่อย ถึงกับสบถออกมาว่า คือ____ อะไรวะ 5555   ในช่วงเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักน้องเหนียวไก่ แน่ๆ  ตอนแรกเรางงมากว่า อะไรคือเหนียวไก่ มันพูดไม่ชัดหรือเปล่าหรือมีความหมายอีกอย่างนึง คือเห็นเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อนคืนแล้วนะคะ แต่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะแบบอะไรเหนียวไก่ๆ  มันจี้ๆ อะ แล้วพอมาเช้าวันนี้ โอ้โห!! เป็นข่าวใหญ่โตจริงจังไปอีก วันนี้ก็เลยหยิบประเด็นน้องเหนียวไก่ มาแสดงความคิดเห็นซะหน่อยว่าคิดอะไรยังไงกับเรื่องนี้กันค่ะ

เริ่มกันเลยนะคะ กสิกาด้วยความอยากรู้ว่าเอ๊ะ ไอคลิปเหนียวไก่ที่ว่ามันคืออะไร มันเกี่ยวกับไก่ไหม หรือมันพูดไม่ชัดหรือยังไง ในที่สุดก็เจอคลิปตัวนี้ใน youtube ค่ะ  ซึ่งก็ไขข้อสงสัยที่มีอยู่ในหัวกสิกาออกไปได้เยอะพอสมควร  ใครที่ยังไม่ได้ดูก็คลิปไปดูได้นะคะ ไม่กี่นาทีเองค่ะ 


   น้องเหนียวไก่ "เหนียวไก่หาย เครียดนิ"

สรุปใจความได้ก็คือว่าน้องเค้าซื้อข้าวเหนียวไก่มากินนั่นเอง ไอเราก็งง ที่แท้มันคือสำเนียงคนใต้นะคะ 5555  ตอนฟังแล้วก็จี้ๆ เหมือนตอนดูหนังตลกๆ เลยค่ะ  ต่อกันค่ะ หลังจากนั้นน้องก็นำข้าวเหนียวไก่ไว้ที่ตระก้ารถของน้องเค้า แล้วเดดินเข้า 7-11 พอน้องเค้าออกมาปรากฎว่า ข้าวเหนียวไก่ของน้องเค้าหายซะงั้นอะ น้องเค้าเลยบอกว่า เจ็บใจ มาขโมยข้าวเหนียวไก่ของเขา เขาตั้งใจจะเอาไปกินที่บ้าน พร้อมฝากข้อความไปถึงคนที่ขโมยข้าวเหนี่ยวไก่ของเค้าว่า "เหยดแม่ อย่าให้กูรู้นะว่ามืงลัก เหยดแม่ กูเอาเหนียวไก่ยัดปากมืงแน่ เหยดแม่ "  พร้อมกับย้ำด้วยว่า นี่เครียดหนักจริงๆ ที่ข้าวเหนียวไก่หาย ! 

จนเมื่อเช้านี้ ก็มีข่าวถูกโพสลงบนหน้า Timeline Facebook  แบบนี้ค่ะ 

คือแบบมันยิ่งใหญ่มากค่ะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ถึงกับเข้ามาอุดหนุนร้านข้าวเหนียวไก่ "บังมีน" น้องเขาทำคลิปออกมาค่ะ โดยซื้อไปฝากน้องเขา และร่วมรับประทานอาหารที่บ้านน้องเขาอีก เอ้ออ  เว่อร์ดี555 


ออกทีวีด้วยนะคะ พูดถึงเรื่องกล้องวงจรปิด น่าเสียดายที่กล้องเสียไม่งั้นก็คงจะรู้แล้วค่ะว่าใครมันขโมนเหนียวไก่น้องเค้า ! 

       น้องคนนี้กลายเป็นคนดังภายในข้ามคืนเลยค่ะ เพียงแค่อัดคลิปคลิปเดียว นี่แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของสื่ออินเตอร์เน็ตมันกว้างและรวดเร็วไปแค่ไหน แค่คืนเดียวคนทั้งประเทศก็รู้จัก นักข่าว รายการต่างๆ ก็หยิบเอามาทำเป็นประเด็นอย่างรวดเร็วซะด้วย  กสิการู้สึกว่า น้องเค้ายังโชคดีที่ทำคลิปออกมาแล้วคนยังเห็นเป็นเรื่องตลก สนุกสนานไป ไม่ได้นำเรื่องสายหายให้น้องเขา แถมน้องเขายังได้กินข้าวเหนียวไก่ฟรีๆ จากผู้ว่าราชการจังหวัด ที่แวะเข้ามาถึงบ้านตัวเองเลยนะคะ ดีซะอีก  แต่หลายเสียงก็มองว่าน้องเค้าจั้งใจสร้างกระแส  บางคนมองว่าการที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดเข้ามาเกี่ยวข้องอาจจะเป็นการสร้างกระแสให้กับจังหวัดด้วยก็ได้ เอ่ออ ก็แล้วแต่คนจะตีความกันไป  

มีคนทำคลิปล้อเลียนเป็นเพลงแรพขึ้นมาด้วยค่ะ ลองไปฟังกัน 


       
      กสิการู้สึกว่า ก่อนที่เราจะอัดคลิป จะพูดอะไร เราควรจะนึกว่าถ้าเราโพสไปแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นตามมา อย่าทำไปเพราะอารมณ์ เพราะว่าถ้าเกิดปล่อยคลิปออกไปแล้ว คนมันเซฟได้ ถึงเรามาลบแล้วมันก็ยังคงมีการแพร่คลิปมีการแชร์ออกไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดนะคะ  ถ้าพูดสิ่งที่ดี ทำไปเถอะค่ะ แต่ถ้าพูดไม่ดี พูดแล้วผลที่ตามมาก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย  อย่าลืมนึกถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ ท่านของไม่ดีใจเท่าไหร่นักหรอก ที่ลูกตัวเองกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็พูดถึง แล้วถูกวิพากย์พิจารณ์ในทางที่เสียหาย ท่านคงไม่ดีใจที่ลูกออกข่าว เพราะว่ารู้พูดจาหยาบคาย หรือพฤติกรรมที่รุนแรง ยังไงก็ฝากเตือนๆ น้องๆ เด็กๆ ว่า คิดให้เยอะๆค่ะ  กสิการู้สึกว่า บางอย่างที่มันเล็กๆน้อยๆ เราลองรู้จักพูดคำว่า " ช่างมัน " ดูสิคะแล้วชีวิตคุณจะมีความสุขขึ้นไปอีกเยอะเลยค่ะ แล้วก็อยากจะฝากผู้ใหญ่ วัยรุ่น ที่เอะอะก็ทำแต่คลิปออกมาด่า มาว่าเนี่ย โลกมันกว่างนะคะ เด็กประถมเดี๋ยวนี้ก็เล่นเน็ตเป็นแล้ว ถ้าเค้าเห็นคลิปที่พวกคุณทำออกมาทุกๆวัน เด็กจะซึมซับว่า สิ่งที่ทำแบบนี้ การพูด หรือพฤติกรรมแบบนี้ มันไม่ผิด เขาทำได้หนิ เราก็ทำได้ พูดคำหยาบ พฤตกรรมรุนแรง ทำแล้วเท่จัง มีแต่คนเห็นด้วย สนับสนุน ไม่เห็นจะโดนประนาม มีแต่คนชอบ สร้างความเข้าใจผิดให้กับเด็กๆ ได้   โลกทุกวันนี้คนมันเกลียดกันมากพอแล้ว เลิกด่ากันเถอะค่ะ เพราะด่าไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ลุกขึ้นมาแก้ไขให้ถูกวิธีกันดีกว่า  

       จริงๆ คลิปที่ถูกปล่อยออกมาที่มีการใช้คำพูดหนายคาย พฤติกรรมรุนแรงต่างๆ มาจาก Socialcam ทั้งนั้นเลยนะคะ ซึ่งมันเป็นแอพที่ใครก็เข้าไปดูได้ไม่ต้องมี account แล้วช่วงหลังๆ กสิกาก็สังเกตุเห็นว่า คลิปที่คนออกมาด่าชาวบ้าน ได้รับยอด like ยอด share เปนหมื่นเป็นพันเลนทีเดียว กสิกาไม่เข้าใจว่า ทำไมคนเราถึงสนับสนุน ชอบให้คนด่ากัน ทำไมเราไม่สร้างสังคมในอินเตอร์เน็ตให้มันน่าอยู่หล่ะคะ  ตอนรู้สังคมมันคือ ฉันเกลียดใครฉันก็จะอัดคลิปมาด่าคนนั้น  ยิ่งด่าแรง ยิ่งอารมณ์แรง คนยิ่งชอบ มันเหมือนกับว่า เรากำลังหลงทางอยู่ อยากให้ทุกคนช่วยกันนะคะ แล้วมากไปกว่านั้น ล่าสุดคลิปโป้ต่างๆ ก็ถูกนำมาอัพโหลดอยู่ในแอพนี้ด้วย คือแบบมันเสื่อมลงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะคะ เห้อออ วันนี้มาแนวเครียดๆ เพราะเราอินกับเรื่องนี้มาก แล้วเราก็ไม่เห็นด้วยกันการทำคลิปแนวๆนี้ออกมา  ตอนนี้ก็เที่ยงแล้วกสิกาต้องขอตัวไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่ะหิวมาก ไว้มาอัพบล็อกกันต่อนะคะ บ๊ายยยยบายยยยยยยยยย 

เคยมีปัญหากับการเรียก Taxi ไหมคะ ?

     สำหรับชีวิตคนในเมืองหรือแม้แต่นอกเมืองคงปฏิเสธไม่ได้ว่า Taxi เป็นหนึ่งในทางเลือกที่คนใช้ในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงาน การไปเที่ยว และเวลากลับบ้านหลังเที่ยวผับดึกๆ  ทุกคนคงจะคุ้นเคย กับการต้องคอยมานั่งถือสายโทรศัพท์รอคนรับสาย กว่าจะคุยกว่าจะบอกทางกันรู้เรื่อง แล้วยังต้องรอศูย์แท็กซี่โทรกลับมายืนยันอีกนะว่า มีแท็กซี่มารับนะ  ถ้าโทรกลับมาว่าไม่มีรถไปเลยก็ซวยไปอีก    แล้วเราก็ไม่รู้อีกว่า แท็กซี่ที่เรากำลังรอมันอยู่ตรงไหน จะมาเมื่อไหร่ช้าเร็ว  แต่ปัญหาเหล่านี้ กสิกาคิดว่ามันมีทางแก้ไข แล้วตอนนี้ก็มีคนคิดเทคโนโลยีใหม่  เข้ามาให้เราได้ใช้เพื่อลดปัญหาจุกจิกเหล่านี้ลงไปได้แล้ว  แบบค่อยยังชั่วหน่อยเพราะที่บ้านก็ชอบโดนปฏิเสธ แท็กซี่ไม่ค่อยยอมเข้าเมือง เพราะอยู่ไกลเนี่ยสิ 555 จะโทษตัวเองหรือแท็กซี่ดีเนี่ย ตายๆ แล้วบางทีนะ เชื่อเลยว่าทุกคนเคยเจอมันกับตัวคือ การเรียกแท็กซี่ในเมืองหรือทีไ่หนก็ตามแล้วโดนปฏิเสธ โดนปล่อยลงกลางทางบ้างแหละ โอ้ย สาระพัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ ทำไงดีหล่ะทีนี้   แงงงงงงง   T T 

    เจ้าเทคโนโลยีที่กสิกาพูดถึงไปก็คือ แอพพลิเคชั่นเนี่ยแหละ ที่มีการปล่อยออกมาได้ซักพักใหญ่แล้ว แล้วก็เริ่มมีคนใช้มากขึ้นไปเรื่อยๆ แอพที่ว่านี้เราสามารถเรียกแท็กซี่ให้เข้ามารับเราได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ผ่านแอพตัวนี้ได้เลยค่ะ ในแอพมีฟังค์ชั้นต่างๆ ให้เราได้ลองใช้ เรามาทำความรู้จักแอพนี้กันซะหน่อยดีกว่าค่ะ 



Grab Taxi  


เขาว่า in just a few taps  น่าสนใจๆ  นอกจากนี้ยัง Safety  , Speed and Certainly ด้วย

 
ในโปรแกรมจะมีทั้งหมด 5 คำสั่งค่ะ  

ถ้าพร้อมจะเดินทางแล้วก็คลิกไปที่ เรียกแท็กซี่ได้เลย!  พอกดเข้ามาแล้วจะเจอหน้าแบบนี้ค่ะ


เอานิ้มจิ้มไปได้เลยว่าเราต้องการจะเรียกจากที่ไหนไปที่ไหนค่ะ 


เลือกได้ด้วยว่าให้มารับเลยไหม หรือก่อนหน้าแล้วแต่ นอกจากนี้ยังมีการให้ ทิปเพิ่ม สามารถใส่ลงไปได้ด้วย จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้แท็กซี่กดตกลงเพื่อมารับเรายิ่งขึ้นไปอีก แหม เหมือนเป็นการหลอกล่ออะไรอย่างนั้นเลย -.-   อ๋อแล้วก็ตรงช่อง ข้อมูลเพิ่มเติมคือเราสามารถ เพิ่มรายละเอียดลงไปให้แท็กซี่รู้ว่า ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงหน้าถังขยะสีส้มนะ หรือยืนอยู่หน้าตึกสีนำเงินมีรูปยาย่า ณเดชคู่กันก่อนจะถึง อะไรก็ว่าไปค่ะ 555555 

พอเราตกลงอะไรเรียบแล้วแล้ว แอพจะโชว์ว่าในแถวนี้มีรถแท็กซี่ที่อยุ่ในเครือของ grab taxi กี่คันทะเบียนอะไรบ้าง มีการคำนวณค่าใช้จ่ายโดยประมาณให้เรา  และเมื่อมีแท็กซี่กดตอบรับว่าจะมารับเราแล้ว จะขึ้นรูปภาพคนขับ หมายเลขทะเบียนรถ และเบอร์โทรศัพท์ของแท็กซี่ให้เรารู้อีกด้วย  นอกจากนี้ยังสามารถดูได้ว่ารถแท็กซี่ของเราอยู่ตรงไหนแล้ว ผ่านระบบ GPS แล้วประเมินระยาเวลาให้ด้วยว่าอีกกี่นาทีถึง   แล้วความปลอดภัยหล่ะ?  บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลเพราะว่า เราสามารถกดแชร์ได้เลยว่าเรากำลังอยุ่ที่ไหน บนรถแท็กซี่สีไหน ทะเบียนอะไร สามารถกดติดตามได้ด้วย ความปลอดภัยถือว่าสุดยอด !


มีค่าบริการเรียก 25 บาทนะคะ  

เห็นไหมคะการเดินทางด้วยแท็กซี่ไม่ใช่เรื่องลำบากอีกต่อไปแล้ว ง่ายขึ้นมาทันทีเลย  ปัญหาโดนทิ้งกลางทาง โดนปฏิเสธ เสียเวลาแวะปั้มนู่นี้ ลดลงไปได้เยอะเลยค่ะด้วยแอพ แอพนี้ ขอบคุณคนผลิตแอพตัวนี้จริงๆค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และมีสาระกับผู้อ่านทุกคนในการเลือกใช้แท็กซี่วิธีแบบใหม่ ที่ปลอดภัย รวดเร็ว สะดวกสบาย เพียงแค่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวทำนั้น ก็สามารถเรียกแทกซี่ได้แล้ว สำหรับคนที่ชอบเที่ยวกลางคืนกลับดึกๆ ก็ไม่ต้องกลัวปัญหาที่มืดเปลี่ยว แท็กซี่เข้าไปถึงแน่นอนค่ะ  มาฟังความคิดเห็นอื่นๆ จากคนใน Page Grab taxi กันดีกว่าค่ะว่าเขารู้สึกอย่างไรบ้างหลังจากใช้บริการกันไปแล้ว 

ฝรั่งหล่อยังใช้เลยอะ  ><  ไม่หลุดคอนเซ็ปฝรั่งจริงๆ 555 


บริการดีซะด้วย 



ได้รับความไว้ใจจากคุณพ่อคุณแม่ 


แท็กซี่ดีๆ ยังมีอยู่บนโลกนะคะ อย่าพึ่งเหมารวม เอ้อ!! ต้องยกย่องพี่คนนี้เลย คนขับดีๆแบบนี้ 


สำหรับข้อมูลอืนๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/GrabTaxiTH  ได้เลยค่ะ

ถ้ารู้ว่าแอพนี้มันดีขนาดนี้ กสิกาคงโหลดติดเครื่องไว้ตั้งนานแล้ว คราวหลังต้องลองเรียกแท็กซี่อย่างจริงจังแล้วค่ะ หวังว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการบริการรูปแบบใหม่นี้นะคะ คุณผู้อ่านลองไปโหลดแอพนี้มาใช้กันดู ดีไม่ดียังไงมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ สำหรับวันนี้ขาตัวไปก่อน ขอบคุณค่า